ไมเคิ่ล โอลิเซ่ ยิงฟรีคิกงามหยดช่วงทดเจ็บตามตีเสมอ1-1 ปีศาจแดง

อาจเป็นรูปภาพของ 4 คน, ผู้คนกำลังเล่นกีฬา และ ข้อความ

 

ไมเคิ่ล โอลิเซ่ ยิงฟรีคิกงามหยด ทดเจ็บตีเสมอ 1-1 ปีศาจแดง

หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก สามารถชนะมา 9 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ และชนะมา 5 นัดซ้อนในพรีเมียร์ลีก จนแฟนบอลมีความรู้สึกว่า ได้ลุ้นแชมป์ ถึง 4 รายการที่ลงแข่งในซีซั่นนี้ ทีมปีศาจแดงสะดุดเสมอกับ คริสตัล พาเลซ 1-1 ที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ขุมกำลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้ยังเล็กมาก และคุณภาพของผู้เล่นที่ไม่ใช่ตัวหลักยังไม่น่าไว้วางใจ นั่นทำให้ เอริค เทน ฮาก ไม่กล้าที่จะโรเตชั่นใครมากนัก แม้จะมีเกมสำคัญที่ต้องบุกเยือน อาร์เซน่อล ในคืนวันอาทิตย์นี้รออยู่ก็ตาม

คาเซมิโร่ ที่คาดโทษใบเหลืองเพราะโดนในพรีเมียร์ลีกไปแล้วถึง 4 ใบยังต้องถูกส่งลงยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับในเกมนี้ เช่นเดียวกับ คริสเตียน เอริคเซ่น ซึ่งเป็นนักเตะที่ลงสนามเป็นจำนวนนัดมากที่สุดของผีแดงฤดูกาล 2022-23 ก็ได้ออกสตาร์ทต่อเนื่อง นั่นบ่งบอกว่าคุณภาพการเล่นแดนกลางของ 2 คนนี้ยังไม่มีใครทดแทนได้ และการเจอพาเลซก็ยังไม่ใช่เกมที่ เทน ฮาก จะวางใจได้ว่ายังไงก็ 3 คะแนนแบบแบเบอร์ จึงยังคง “เน้น” สุดๆ โดยจัดชุดเต็มสูบ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะการันตีชัยชนะอยู่ดี

แนวรุกต่อให้เสริม เว้าท์ เว็กฮอร์สท์ เข้ามาแบบยืมตัว ก็ยังถือว่ามีตัวเลือกน้อยเกินไปอยู่ดี เพราะ เว็กฮอร์สท์ พร้อมลงเล่นในจังหวะสวนทางกับที่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล บาดเจ็บจนไม่มีชื่อในทีมอีกแล้ว มาร์คัส แรชฟอร์ด อาจจะฟอร์มแรง แต่เขาไม่ใช่นักเตะที่จะสามารถระเบิดฟอร์มเทพได้ระดับ 10 นัดติดต่อกัน ยิ่งกรำศึกหนักแบบแข่งทุกๆ 3-4 วัน พออาการล้าและความกดดันมาถึง “จังหวะนรก” หรือการตัดสินใจที่ไม่ดีพอก็กลับมามีให้เห็นเกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้แพ้เพราะเล่นน่าเกลียดอะไร พวกเขาครองเกมได้เหนือกว่า คริสตัล พาเลซ มากๆ เหนือกว่าทุกอย่างทั้งเปอร์เซ็นต์ครองบอล, โอกาสยิง และจำนวนการผ่านบอล

แต่เกมนี้เหมือนพวกเขาจะดุดันกันไม่มากพอที่จะเอาประตูที่ 2 แล้วเมื่อผ่อนเกมในครึ่งหลัง ก็เสียโมเมนตัมไปในจังหวะที่ คาเซมิโร่ โดนใบเหลือง แล้วสุดท้ายช่วงทดเวลาบาดเจ็บก็มาเสียประตูเพราะฟรีคิกปลิดวิญญาณของ ไมเคิ่ล โอลิเซ่ อย่างไรก็ตาม การทำแต้มหล่นเกมนี้ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือความล้า และการเร่งไม่ขึ้น อย่าลืมว่านับตั้งแต่พ้นช่วงเบรกฟุตบอลโลก ทีมปีศาจแดงต้องลงแข่งมากถึง 8 นัดใน 29 วัน โดยที่มีการโรเตชั่นนักเตะน้อยมาก ถ้ายังเล่นแบบไม่มีล้า ไม่มีแผ่ว นั่นก็ยอดมนุษย์แล้วแหละ

ทีมชุดนี้ยังคงมีจุดที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ และแกนหลักบางคนยังไม่มีใครทดแทนได้ ถ้าหาก เอริค เทน ฮาก ยังหวังจะพาทีมประสบความสำเร็จ เขาต้องเลือกจัดลำดับความสำคัญในการกรำศึกหนักทุกรายการให้ดีๆ เพราะดูเหมือนว่าบอร์ดบริหารคงไม่เสริมใครเข้ามาเพิ่มในตลาดรอบนี้แล้วแหละ ผลงานการเล่นนอกบ้านของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคของ เทน ฮาก ยังไม่ได้น่าประทับใจอะไร ชัยชนะ 9 นัดติดต่อกันรวมทุกถ้วยช่วงที่ผ่านมา มันมีถึง 7 เกมที่เป็นการเล่นในบ้าน แต่ผลงานนัดเยือน พวกเขายังไม่สามารถชนะใครแบบขาดลอยหรือการันตีชัยชนะแบบสบายใจให้เห็น

ถึงแม้ฟอร์มช่วงที่ผ่านมาจะร้อนแรงจนชวนฝันถึงการ “ลุ้นแชมป์” แต่ตอนนี้ควรต้องกลับสู่ความเป็นจริงว่า เป้าหมายที่สามารถตั้งไว้แบบเป็นไปได้และไม่เพ้อฝันมากที่สุด คือการรีบกลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งการรั้งอันดับ 3 นำห่างทีมอันดับ 5 อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถึง 6 แต้ม, นำลิเวอร์พูลที่แข่งน้อยกว่า 11 คะแนน, นำเชลซีที่แข่งเท่ากัน 11 แต้ม หลังจากโปรแกรมผ่านไปแล้วครึ่งซีซั่น มันไม่ใช่มาตรฐานที่แย่ แต่ถ้าคุณมาบอกว่า ฤดูกาลนี้ต้องเป็นแชมป์ ต้องเอาแชมป์ทันที แน่นอนว่าการมาสะดุดในเกมแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีพอ คือทีมที่หวังเดินหน้าชนะทุกนัดเพื่อไปถึงแชมป์ให้เร็วที่สุดอาจจะไม่พลาดในเกมแบบนี้ แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่ได้อยู่ในจุดที่สมบูรณ์แบบขนาดนั้น

แต่ถึง เทน ฮาก จะคุมทีมได้น่าชื่นชมเพียงใด แต่การตัดสินใจบางอย่างก็ไม่ใช่ว่าเขาทำแล้วถูกต้องเป๊ะๆ อย่างเกมนี้ชัดเจนว่ารูปเกมเริ่มบุกได้น้อยลง ตั้งแต่เขาเลือกถอด เว้าท์ เว็กฮอร์สท์ กับ อันโตนี่ ออก แล้วส่ง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลงแทน ซึ่งโอเค แน่นอนว่ากุนซือชาวดัตช์ย่อมมีเหตุผลที่เปลี่ยนตัวแบบนั้น แต่การตัดสินใจเปลี่ยนตัวครั้งนี้ไม่ได้ผลที่ดีกลับออกมา

แน่นอนว่าการโดน คริสตัล พาเลซ ไล่ตีเสมอ มันคงไม่ใช่ผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังครั้งสุดท้าย เพราะทีมชุดนี้ยังไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไรขนาดนั้น แต่ผมก็มั่นใจเช่นกันว่าเกมที่น่าประทับใจยังรออยู่อีกมากเช่นกัน ในช่วงเกือบๆ 5 เดือนที่เหลือต่อจากนี้ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจไม่ใช่ทีมที่ไปถึงฝั่งฝันแบบที่แฟนบอลกำลังเร่ง แต่พวกเขาไม่ใช่ทีมที่กำลังหลงทางอยู่หรอก เชื่อสิ