สติลล์ โค้ชหนุ่มวัย 30 ทีมแร็งส์ สร้างผลงานสุดร้อนแรง ไร้พ่าย 11 นัด
ใครจะไปเชื่อว่า ทีมแร็งส์ในลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่กำลังสร้างผลงานร้อนแรงสุดๆ ไร้พ่าย 11 นัดติดต่อกัน จะถูกคุมทีมด้วยผู้จัดการหนุ่มวัย 30 ปีเท่านั้น ที่ไม่เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อนเลย แถมยังไม่มีวุฒิโปรไลเซนส์อีกต่างหาก ขนาดเปแอสเช ที่ส่งเมสซี่, เนย์มาร์ และ เอ็มบัปเป้ ลงสนามพร้อมกันในบ้านตัวเอง ยังเอาชนะแร็งส์ไม่ได้เสมอไป 1-1 คิดดูว่า จะมีกี่ทีมในฝรั่งเศสที่ต้านทานเปแอสเชได้ดีขนาดนี้ ความน่าสนใจของเรื่องนี้ คือวิลล์ สติลล์ โค้ชของแร็งส์คนนั้น ที่อายุน้อยและไร้ประสบการณ์ เขาอยู่ๆ มาคุมทีมในลีกเอิงได้อย่างไรกันแน่?
เขาก็ได้งานแรก กับสโมสรแซงต์-ตรุยดอง ทีมที่เขาเคยอยู่ตอนเป็นเด็กอะคาเดมี่นั่นเองณ เวลานั้น แซงต์-ตรุยดอง ร่วงไปเล่นในดิวิชั่น 2 สโมสรจึงตอบกลับมาว่า จริงๆ ก็อยากได้คนทำงานนะ แต่ไม่มีงบเหลือจ้างใครแล้วจริงๆ สติลล์จึงตัดสินใจว่า งั้นทำฟรีก็ได้ เอารีซูเม่ไว้ก่อน สรุปแล้ว สติลล์ ทำงานฟรี 7 เดือนเต็ม ระหว่างกรกฎาคม 2014 ถึง มีนาคม 2015 ผลงานการเป็นนักวิเคราะห์วีดีโอของสติลล์ มีส่วนทำให้แซงต์-ตรุยดอง ได้เลื่อนชั้นมาลีกสูงสุด และในที่สุดเขาก็ได้สัญญาอย่างเป็นทางการเสียที
เดือนตุลาคม 2022 ออสการ์ การ์เซีย ผู้จัดการทีมแร็งส์โดนไล่ออกจากตำแหน่ง จากผลงานย่ำแย่ เปิดฤดูกาลมา 10 นัด ชนะแค่นัดเดียวเท่านั้น แต่สโมสรหาคนมาแทนไม่ทัน จึงขอให้สติลล์รับบทบาท Interim Manager เป็นผู้จัดการทีมขัดตาทัพไปให้ก่อน สติลล์ตอบตกลง มันก็ดี ที่เขาจะได้รับบทบาทเป็นบอสใหญ่อีกครั้ง และคราวนี้คือการคุมทีมในระดับลีกเอิงซะด้วยตามจริงแล้ว กฎของสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสระบุว่า ผู้จัดการทีมที่จะคุมสโมสรระดับลีกเอิงได้ ต้องมียูฟ่า โปรไลเซนส์ ถ้าหากทีมไหนใช้โค้ชที่ไม่มีโปรไลเซนส์ ต้องโดนปรับเงินนัดละ 25,000 ยูโร
สติลล์ ไม่มีโปรไลเซนส์ เพราะเขาไม่มีเวลาที่จะไปเรียนอย่างจริงจังดังนั้นตามหลักจึงคุมทีมไม่ได้ แต่ประธานสโมสรแร็งส์ พร้อมจะจ่ายค่าปรับไปก่อนเพราะตอนนี้หาคนมาแทนไม่ทันจริงๆ แผนแรกสุดนั้นแร็งส์จะให้สติลล์คุมชั่วคราวแค่ 5 นัดเท่านั้นคือตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม ถึง 13 พฤศจิกายนพอพักเบรกบอลโลกปั๊บ สโมสรก็จะไปหาโค้ชที่มีประสบการณ์เยอะๆ เข้ามาสานงานต่อโดย 5 นัดของสติลล์ที่ต้องคุมทีมข้างสนามสโมสรต้องจ่ายค่าปรับนัดละ 25,000 ยูโร รวมเป็น 125,000 ยูโร ก็เป็นตัวเลขที่พอรับได้ ดีกว่าไปรีบจ้างโค้ชใหม่เร็วเกินไป โดยไม่มีเวลาพิจารณาตัวเลือกให้รอบคอบ
จุดที่น่าสนใจคือเขาเปลี่ยนตำแหน่งของจุนยะ อิโตะ ดาวเตะญี่ปุ่น ที่ปกติเล่นหน้าเป้าทุกนัด มายืนเป็นปีกขวาแทนและใช้งานโฟลาริน บาโลกัน กองหน้าอังกฤษที่ยืมตัวมาจากอาร์เซน่อล เล่นกองหน้าตัวเป้าคนเดียวแทนแผนนี้ได้ผล เพราะทั้งสองคนเหมือนได้เล่นในตำแหน่งที่ชอบ บาโลกัน และ อิโตะ ยิงได้คนละลูก ช่วยให้แร็งส์ ชนะโอแซร์ 2-1 สติลล์ คว้าชัยชนะได้ในลีกเอิง จากการคุมทีมนัดที่สองเท่านั้น10 เกมแรกของฤดูกาลที่คุมทีมโดยโค้ชคนเดิม แร็งส์ มี 8 แต้ม แต่พอเปลี่ยนมาเป็นสติลล์ปั๊บ คุมทีมไป 5 นัด ทีมเก็บไป 9 แต้มผลงานก้าวกระโดดอย่างชัดเจนมาก ไม่แพ้คู่แข่งทีมไหนเลย
สิ่งที่ทำให้วิลเลียม สติลล์ มีผลงานที่ดีมากๆ อย่างแรกคือเรื่องแท็กติก เขาเข้าใจว่านักเตะคนไหน เหมาะกับวิธีอะไร และเขามีทักษะการสื่อสารที่ดีมาก พูดได้ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส เวลาคุยกับตัวท้องถิ่น และตัวต่างชาติ ก็สามารถอธิบายอย่างชัดเจนให้เคลียร์ๆ ได้ พอคุมทีมครบ 5 นัด ก็เข้าสู่ช่วงพักเบรกบอลโลก ตามจริงแร็งส์ก็ตั้งใจจะปลดสติลล์ตอนนี้ แล้วไปหาโค้ชประสบการณ์สูงมาแทน แต่บรรดานักเตะได้ช่วยกันขอร้องสโมสร ว่าให้สติลล์คุมต่อไปเถอะทีมกำลังมาดีๆ แล้วจะไปเอาใครมาอีก ยูนิส อับเดลฮามิด กัปตันทีมแร็งส์ ให้สัมภาษณ์ว่า นักเตะทุกคนอยากให้เขาเป็นผู้จัดการทีมต่อ คือเราไม่จำเป็นต้องมองหาคนอื่นอีกแล้ว
เขาสามารถทำทีมเราให้เล่นได้อย่างมีพลัง ทำให้แต่ละคนรู้หน้าที่ของตัวเอง และมีความมั่นใจมากขึ้น พลังหนุ่มของเขาคือสมบัติที่ล้ำค่ามาก เพราะมันทำให้นักเตะทุกคนรู้สึกสดชื่นตามไปด้วย สุดท้ายประธานสโมสรแร็งส์ จึงเปลี่ยนใจประกาศว่าสติลล์จะได้คุมทีมต่อไปจนจบฤดูกาล และสโมสรจะยอมจ่ายเงินค่าปรับทั้งหมดให้เอง โดยราคาที่ต้องจ่ายให้ลีกเอิง ก็คูณตัวเลขไปเลย 25000 ยูโร x 33 นัด = 700000 ยูโร ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมาก แต่ถ้าจะให้ไปเอาโค้ชคนอื่นมาที่ไม่เข้าใจทีม ผลงานอาจจะย่ำแย่กว่านี้ก็ได้ ระหว่างนี้ วิลล์ สติลล์ ก็จะไปเรียนโปรไลเซนส์ให้สำเร็จ โดยคาดว่าจะได้โปรไลเซนส์ในช่วงซัมเมอร์ก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่พอดี
หลังจบบอลโลก ลีกเอิงกลับมาแข่งอีกครั้ง ปรากฎว่า แร็งส์ ก็ยังไม่แพ้ใครเหมือนเดิม 11 นัดในลีกเอิงไร้พ่าย ขณะที่บอลถ้วยเฟรนช์คัพ ก็ชนะ 2 นัดรวด เท่ากับว่า วิลล์ สติลล์ คุมทีมมา 13 เกม ยังไม่แพ้ใครเลย นี่คือผลงานที่สุดยอดจริงๆ ของกุนซือที่อายุน้อยที่สุดในลีกยุโรป ณ เวลานี้ อย่างที่สองคือ การที่ตัววิลล์ สติลล์ อายุน้อย บางคนอาจมองเป็นข้อด้อย แต่ในมุมของเขากลับเป็นข้อดี เพราะทำให้เข้าใจความรู้สึกของนักเตะ เด็กรุ่นใหม่ไม่มีใครชอบถูกพูดจาโขกสับ พูดแรงๆ ฉีกหน้าใส่ ซึ่งโค้ชยุคอดีตจะชอบทำกัน สติลล์จะเลือกใช้คำพูดอย่างระวัง เน้นพูดในแง่บวกเข้าไว้ ทีมขนาดเล็ก ยิ่งต้องรวมใจทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวกับสตาฟฟ์โค้ชให้มากที่สุด
สายตาที่เฉียบขาดในการเลือกตัวนักเตะ เช่น กรณีของธิโบลต์ เด สเมต์ แบ็กซ้ายชาวเบลเยี่ยมที่ยุคของโค้ชคนก่อน ไม่ถูกส่งลงเล่นแม้แต่นาทีเดียว แต่พอสติลล์มาคุมทีมปั๊บ เขาส่งลงเล่นตัวจริง 7 เกม และช่วยให้ทีมไร้พ่ายจนถึงวันนี้ ทุกองค์ประกอบรวมกัน ทำให้สติลล์ สร้างทีมที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ ทั้งๆ ที่ดูจากรายชื่อแล้ว ผู้เล่นในทีมแร็งส์เต็มไปด้วยเกรด B และ เกรด C แต่สติลล์สามารถทำให้นักเตะกลุ่มนี้จากที่ต้องเคยหนีตาย พลิกกลับมา กลายเป็นไม่แพ้ใครเลย 11 นัด และอยู่ห่างจากโซนสีแดงแบบสบายๆ ถึง 11 แต้ม ถ้าประคองตัวด้วยฟอร์มนี้ไปเรื่อยๆ ก็น่าจะรอดตกชั้นได้ไม่ยากนัก
เครดิตแน่นอนว่า ก็ควรเป็นของสติลล์ โค้ชหนุ่มวัย 30 ปี แม้จะไม่เคยเป็นนักเตะอาชีพมาก่อน ต้นตระกูลไม่มีใครเล่นฟุตบอลอาชีพ แต่เขาก็มาถึงจุดนี้ได้ Passion ที่เริ่มต้นจากเกม Football Manager เขาไม่ใช่แค่เล่นสนุกเฉยๆ แต่ตัดสินใจ “เอาจริง” เดินหน้าลุยตามฝัน และสุดท้ายก็กลายเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ร้อนแรงที่สุดในฟุตบอลยุโรปตอนนี้ ก็ต้องติดตามกันต่อไป ว่าสติลล์จะเป็นของจริง หรือจะเป็นแค่ one season wonders เท่านั้น